ดอกกล้วยไม้

ประวัติและความเป็นมาของการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้
กล้วยไม้ อยู่ใน Family
Orchidaceae ประกอบไปด้วยชนิดมากกว่า 25,000 ชนิด และมีลูกผสมอีกมากกว่า
100,000 ชนิด เป็นตระกูลไม้ดอกที่มีจำนวนชนิดมากที่สุดในโลก เราสามารถพบเห็นกล้วยไม้ได้
ตั้งแต่เขตร้อนไปจนถึงเขตหนาว และแม้แต่ในเขตทะเลทราย ก็มีกล้วยไม้ขึ้นอยู่ได้
กล้วยไม้มีความใกล้เคียงกับดอกลิลลี่มากที่สุด เหมือนกับที่ฮิปโปโปเทมัส
มีความคล้ายคลึงกับปลาวาฬนั่นเอง ลักษณะของกล้วยไม้ทั้งต้นและดอก
มีความหลากหลายมาก ตั้งแต่ดอกที่มีลักษณะรูปทรง สีสรร สวยงาม ไปจนถึงลักษณะรูปทรงสีสรรที่แปลกประหลาด
สะดุดตาผู้ที่ได้พบเห็น สีของกล้วยไม้มีตั้งแต่สีที่สดใสไปจนถึงสีที่มืดทึม
กล้วยไม้จัดเป็นไม้ดอกที่มีวิวัฒนาการสูงสุดในบรรดาไม้ดอกทั่วไป กล้วยไม้เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยว (momocootyledons) ที่มีการบันทึกการปลูกเลี้ยงมาเป็นเวลาช้านานแล้ว ในประวัติศาสตร์ของจีน
ได้มีบันทึกการปลูกเลี้ยงไว้ ตั้งแต่สมัยของขงจื้อ 551 - 479 BC การบันทึกได้บรรยายถึงกลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้ไว้
ซึ่งต่อมาทราบชื่อในภายหลังว่าเป็น Cymbidium ensifolium ซี่งถือว่าเป็นสัญลักขณ์ของความฉลาด และ
Dendrobium moniliforme มีคำกล่าวของจีนกล่าวไว้ว่า
จงวาดรูปของต้นไผ่เมื่อมีความโกรธ และวาดรูปกล้วยไม้เมื่อมีความสุข
ในแถบยุโรป ราวปี 300 BC Theophratus ผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น บิดาของวิชาพฤกษศาสตร์
ได้บันทึกไว้เกี่ยวกับกล้วยไม้ที่มีชื่อว่า Orchis
ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า orchid ในปัจจุบัน กล้วยไม้ที่มีชื่อว่า
Orchis นี้ มีหัวอยู่ในดิน มีลักษณะคล้าย testis เลยตั้งชื่อให้ว่า orchid
การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ในประเทศจีนเริ่มขึ้นในราชวงศ์ Sung (960 - 1279) ส่วนใหญ่แล้วเป็นพวก Cymbidium Phaius และ Calanthe ต่อมาในปี 1899 นักพฤกษศาสตร์ชาวฝรั่งเศส Noel Barnard
ค้นพบว่าเมล็ดของกล้วยไม้ดินที่มีชื่อว่า Neottia ที่หล่นอยู่บริเวณใบไม้ผุ สามารถเจริญเติบโตเป็นต้นใหม่ได้ ทำให้มีการทดลองเพาะเมล็ดกล้วยไม้
ลูกผสมที่ได้มาจาก Laeliocattleya
ก็สามารถเพาะเป็นต้นขึ้นมาได้ แต่มีจำนวนน้อยมาก
ต่อมาได้มีการลองใช้น้ำคั้นที่ได้จากหัวของกล้วยไม้ดินอีกชนิดหนี่ง
มาลองเพาะเมล็ด Bletilla hyacinthina เมล็ดของกล้วยไม้ชนิดนี้ก็สามารถงอกเป็นต้นได้
และได้มีการลองใช้น้ำคั้นผสมกับน้ำตาล แล้วนำไปเพาะเมล็ดจาก Laelia ก็พบว่า เมล็ดของ Laelia
สามารถเจริญเติบโตได้ Knudson ได้รายงานเกี่ยวกับเชื้อรา
มีการสร้างน้ำตาล ที่มีความสำคัญต่อการงอกของเมล็ดกล้วยไม้
และได้มีการพัฒนาอาหารเทียมขึ้นมาเพาะเลี้ยงกล้วยไม้อีกด้วย เรียกว่า Knudson 's C medium
เมล็ดกล้วยไม้มีขนาดเล็กมาก น้ำหนักประมาณ
0.3 - 0.6 ไมโครกรัม Charles
Darwin ได้รายงานไว้ว่า ในฝักกล้วยไม้ Ophrys maculata 1 ฝัก
สามารถบรรจุเมล็ดกล้วยไม้ได้ถึง 30,317,760,000 เมล็ด
ซึ่งถ้านำไปเพาะและเมล็ดทุกเมล็ดงอกเป็นต้นได้ ต้นกล้วยไม้ทั้งหมดนี้
สามารถที่นำมาปลูกคลุมพื้นที่ประมาณ 1 เอเคอร์ได้
การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ในประเทศไทย
เริ่มมาตั้งแต่รัชกาลที่ 5 โดยนายเฮนรี่ อลาบาสเตอร์ ได้นำกล้วยไม้สกุล Cattleya
เข้ามาปลูกเลี้ยง และได้มีการนำเข้าพวก Oncidium และ Brassavola ด้วย ซึ่งในสมัยนั้นการปลูกเลี้ยง
ทำอยู่ในวงจำกัด ในหมู่เจ้านายและข้าราชบริพารเท่านั้น
ต่อมาเมื่อมีการติดต่อกับต่างชาติมากขึ้น การปลูกเลี้ยงกล้วยไม้
ก็เริ่มเป็นที่สนใจของคนหมู่มาก
ในช่วงปี ค.ศ.1743 - 1782
ได้มีมิชชันนารี ชาวโปรตุเกสคือ Ioannis de Loureiro เข้ามาสำรวจพันธุ์กล้วยไม้ในแถบอินโดจีน
และต่อมา Dr. Gunnar Seidenfaden และ ศาสตราจารย์เต็ม สมิตินันท์
ได้มีการสำรวจพันธุ์กล้วยไม้ในประเทศไทยขึ้น ซึ่งสามารถรวบรวมไว้ได้มากกว่า 1000
ชนิด อีกท่านหนึ่งที่ให้ความสนใจแก่กล้วยไม้ไทยมากคือ ศาสตราจารย์ระพี สาคริก ท่านได้เป็นผู้เริ่มต้นการฝึกอบรมการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ให้แก่ผู้ที่สนใจ
และต่อมาได้มีการพัฒนาพันธุ์กล้วยไม้มาเป็นลำดับ ปัจจุบันนี้
ประเทศไทยได้มีการผลิตกล้วยไม้ตัดดอกและกล้วยไม้กระถาง ส่งไปขายยังนานาประเทศ
ทำรายได้ให้กับประเทศไทยเป็นมูลค่า ประมาณ 2000 พันล้านบาทต่อปี ตลาดที่มีการส่งออกมากที่สุดคือ ประเทศญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ กลุ่มประเทศในยุโรป
และสหรัฐอเมริกา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น